ชาวคริสต์กับความเชื่อโลกหลังความตาย
ชาวคริสต์กับความเชื่อโลกหลังความตาย ชาวคริสต์มีความเชื่อในเรื่องการตายแล้วฟื้น จึงเปรียบ ความตายเสมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อยู่จากที่เก่าไปสู่ที่ใหม่ จึงทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่มีความโศกเศร้าต่อการจากไปของผู้ล่วงลับอยู่บ้าง และหากแบ่งคติความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องความตายและโลกหลังความตายสามารถแบ่งตามนิกายได้ตามนี้
- ชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มีความเชื่อเกี่ยวกับความตายว่า ความตายนั้นเป็นสภาวะที่ร่างกายและวิญญาณแยกออกจากกัน เมื่อมนุษย์เสียชีวิตลง ร่างกายจะสลายกลายเป็นธุลีดินตามเดิม ส่วนวิญญาณที่แยกออกจากร่างกายจะถูกนำไปพิพากษาตามบุญและบาปของตนที่ได้เคยกระทำไว้ หากทำความดีมาก ๆ ก็จะไปยังสวรรค์ แต่หากทำความชั่วก็จะไปยังสถานไฟชำระหรือนรกเพื่อชำระโทษ นอกจากนั้นชาวคาทอลิกยังมีความเชื่อเรื่องการกลับฟื้นคืนชีพภายหลังความตายอีกด้วย
- ชาวคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์มีความเชื่อเกี่ยวกับความตายว่า การมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เป็นเพียงแค่เรื่องชั่วคราวเท่านั้น แต่ชีวิตหลังความตายต่างหากที่เป็นชีวิตอันเป็นนิจนิรันดร์ หมายความว่าเมื่อมนุษย์เสียชีวิตลงก็จะได้กลับไปมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ หรือได้กลับไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์อย่างถาวร ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระเจ้าได้ทรงเตรียมไว้ให้สำหรับเฉพาะผู้ที่มีความเชื่อ มีความรักและศรัทธาในพระองค์เท่านั้น.
การประกอบพิธีงานศพของชาวคริสต์
ตามประเพณีของชาวคริสต์นั้นมีความเชื่อว่าก่อนที่จะมีผู้เสียชีวิตหรือผู้ป่วยหนักที่ใกล้สิ้นชีวิต ทางครอบครัว เครือญาติ หรือลูกหลานจะเชิญบาทหลวงไปที่บ้านหรือโรงพยาบาล เพื่อทำพิธีศีลเจิม ซึ่งเป็นการให้พรและกำลังใจของพระเจ้าแก่ผู้ที่กำลังจะจากไปให้อยู่ในศีลในพรของพระองค์ โดยจะมีการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบได้กับเป็นการให้อภัยแก่ความผิดหรือบาปที่ได้เคยกระทำไว้ แต่ไม่มีโอกาสได้สารภาพบาปไว้ สำหรับขั้นตอนในการประกอบพิธีศพของชาวคริสต์หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พิธีนมัสการไว้อาลัย มี 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้ค่ะ
- การสวดศพทางคริสต์ศาสนา การตั้งศพเพื่อรอนำไปประกอบพิธีทางศาสนาจะต้องมีรูปไม้กางเขน, เทียน 1 คู่ และแจกันดอกไม้วางไว้เหนือศีรษะของศพผู้เสียชีวิต และเตรียมภาชนะไว้สำหรับใส่น้ำเสก หรือน้ำมนต์ของทางศาสนาคริสต์พร้อมกิ่งไม้จุ่มวางไว้บนโต๊ะใกล้กับที่ตั้งศพ เพื่อให้ผู้ที่เคารพศพได้ใช้น้ำมนต์พรมศพ ซึ่งขั้นตอนนี้จะมีลักษณะคล้ายกับขั้นตอนการรดน้ำศพของศาสนาพุทธ ส่วนพิธีสวดศพในทางศาสนาคริสต์มีจุดประสงค์ต่าง ๆ ในการประกอบพิธี ไม่ว่าจะเป็นการรำลึกถึงความดีที่ผู้ล่วงลับเคยกระทำไว้และการให้เกียรติ และการทำบุญอุทิศส่วนกุศลที่มีอยู่ให้กับผู้เสียชีวิต สำหรับการตั้งศพเพื่อทำพิธีสวดนี้อาจจะจัดขึ้นที่โบสถ์ประมาณ 3 – 5 วันตามความสะดวก
- การนำร่างผู้เสียชีวิตลงหีบศพหลังจากบาทหลวงทำพิธีสวดศพด้วยการอ่านบทภาวนาและประพรมน้ำมนต์เสร็จแล้วจึงนำร่างของผู้เสียชีวิตบรรจุใส่หีบศพแบบคริสต์ ปิดฝาหีบศพ และตกแต่งหีบศพด้วยมาลัยและดอกไม้
- พิธีมิสซา พิธีมิสซาเป็นพิธีรับศีลมหาสนิทหลังจากเคลื่อนศพไปยังสุสาน โดยมีความเชื่อที่ว่ารูปหรือร่างกายคนเราเป็นเพียงแค่วัตถุดิบชั่วคราวและเกิดขึ้นจากดิน เมื่อเสียชีวิตลงก็ย่อมต้องกลับไปสู่ดิน ส่วนจิตใจนั้นเป็นไปตามทางของจิต ซึ่งจิตนี้เป็นสิ่งที่ยังคงอยู่ตลอดไป และไม่มีขอบเขตในเรื่องเวลา สถานที่ หรือปริมาณ
- พิธีฝังศพที่สุสานก่อนที่จะนำศพผู้เสียชีวิตลงหลุม บาทหลวงจะทำพิธีส่งวิญญาณและอำลาผู้เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจึงทำการเสกหลุมศพ ประพรมน้ำเสก/น้ำมนต์ และถวายกำยานหลุมศพผู้ล่วงลับ โดยบาทหลวงจะเป็นผู้กล่าวให้ผู้ล่วงลับออกจากหีบศพเพื่อกลับไปหาพระเจ้าต่อไป
ซึ่งทางสุริยาหีบศพจำหน่ายหีบศพแบบศริสต์ และอีกหลายหลายศาสนา มีการบริการรับเคลื่อนย้ายศพ ดอกไม้ประดับในงานพิธี หากท่านใดสนใจสามารถเข้ามาดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ www.suriyafuneral.com หรือ ปรึกษาสอบถามเราได้ที่ 02-950-0989 ได้ตลอด 24 ชม.