ที่มาของบ้านหลังสุดท้าย
ที่มาของบ้านหลังสุดท้าย ที่มาของบ้านหลังสุดท้าย โลงศพหรือหีบศพ ที่สำหรับบรรจุร่างของมนุษย์หลังสิ้นลมหายใจก่อน เปรียบเสมือนบ้านหลังสุดท้ายที่คนซื้อไม่ได้ใช้และคนใช้ไม่ได้ซื้อ ซึ่งก็มักจะทำด้วยไม้ในรูปทรงของกล่องสี่เหลี่ยมที่มีความยาวมากกว่าความกว้างตามขนาดร่างกายมนุษย์ ลักษณะของหีบศพจะมีความแตกต่างกันไปตามธรรมเนียม ความเชื่อในแต่ละศาสนา และนี่คือที่มาและความเชื่อของหีบศพหรือบ้านหลังสุดท้าย หีบศพเกิดขึ้นจากความกลัวผีตั้งแต่ยุคโบราณ ตามความเชื่อที่มีมานาน โดยจุดเริ่มต้นเกิดจากความเชื่อเรื่องความหวาดกลัวผีหรือวิญญาณมาจากธรรมเนียมของชาวสุเมเรียนโบราณซึ่งจะมีการฝังศพในตะกร้าสานจากกิ่งไม้เล็กๆโดยจะมัดร่างกายและศีรษะติดกับเท้าของคนที่เสียชีวิต เพราะเชื่อว่าจะป้องกันไม่ให้กลับมาหลอกใครได้ และในเวลาต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของหีบศพขึ้นใหม่เพื่อให้มีความมิดชิดมากขึ้น ก่อนจะนำไปฝั่งแล้วทับด้วยหินก้อนใหญ่ ซึ่งนอกจากจะใช้หินเป็นสัญลักษณ์ของหลุมศพแล้วยังเชื่อว่าเป็นการปิดปากหลุมเพื่อกันวิญญาณอีกด้วย โดยจะนำร่างผู้เสียชีวิตห่อด้วยเสื่อแล้วไปพาดไว้บนต้นไม้ใหญ่ในป่าช้า เชื่อว่าเป็นการทำศพค้างโดยรอให้ร่างเน่าเปื่อยไปเอง ในเวลาต่อมายุคสมัยเปลี่ยนไปมีความเจริญมากขึ้น จึงมีการนำหีบศพมาเก็บร่างผู้เสียชีวิต ลดความเสี่ยงไม่น่าดูและลดการแพร่กระจายของโรคระบาดที่อาจมาจากศพได้ เมื่อร่างไร้วิญญาณถูกบรรจุลงในหีบศพแล้วแต่ยังมีความผูกพันกับคนที่ยังอยู่ โดยก่อนที่จะเคาะเรียกนั้น ผู้เป็นญาติอาจจะเตรียมอาหารพร้อมเครื่องดื่มที่ผู้เสียชีวิตชื่นชอบเป็นพิเศษไปตั้งไว้ข้างหีบศพ ตามด้วยจุดธูปบอกกล่าว